จังหวัดบึงกาฬ เป็นจังหวัดในประเทศไทย จัดตั้งขึ้นตาม พระราชบัญญัติตั้งจังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. 2554 อันมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม
2554 เป็นต้นไป
โดยแยกอำเภอบึงกาฬ อำเภอเซกา
อำเภอโซ่พิสัย อำเภอบุ่งคล้า อำเภอบึงโขงหลง
อำเภอปากคาด อำเภอพรเจริญ
และอำเภอศรีวิไล ออกจากการปกครองของจังหวัดหนองคาย
จังหวัดบึงกาฬ เป็นจังหวัดที่มีการร้องขอให้จัดตั้งขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2537
แต่ไม่ผ่านกระบวนการพิจารณาในขณะนั้น และได้มีการนำสู่กระบวนการพิจารณาอีกครั้ง โดยผ่านมติเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ในวันที่
3 สิงหาคม
พ.ศ. 2553 โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อนำทูลเกล้าฯ
เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยจะต้องออกเป็นพระราชบัญญัติการจัดตั้งจึงจะมีผลโดยสมบูรณ์ การร้องขอจัดตั้งถูกขอตามข้อเสนอของนายสุเมธ พรมพันห่าว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเสรีธรรม จังหวัดหนองคาย
ประวัติความเป็นมา
จังหวัดบึงกาฬเดิมเป็นอำเภอบึงกาฬและเป็นตำบลหนึ่งในเขตการปกครองของอำเภอชัยบุรี จังหวัดนครพนม
ซึ่งมีที่ว่าการอำเภอตั้งอยู่ที่บริเวณปากน้ำสงคราม ต่อมาไม่ทราบชัดว่าปีใด
ทางราชการได้ย้ายที่ว่าการอำเภอมาตั้งที่บึงกาญจน์ริมฝั่งตรงข้ามเมืองปากซัน แขวงบลิคำไซ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ปีพ.ศ.2459 ทางราชการก่อสร้างที่ว่าการอำเภอขึ้นใหม่และโอนการปกครองอำเภอชัยบุรีมาขึ้นกับจังหวัดหนองคาย ส่วนบริเวณที่ตั้งที่ว่าการอำเภอชัยบุรีเดิมนั้น ทางราชการยุบมาเป็นตำบลอยู่ในเขตการปกครองของอำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม
ปี พ.ศ.2475 ข้าราชการกระทรวงมหาดไทยท่านหนึ่งเดินทางมาตรวจราชการที่อำเภอชัยบุรี พบว่า
หมู่บ้านบึงกาญจน์ มีหนองน้ำใหญ่แห่งหนึ่ง
กว้างประมาณ 160 เมตร ยาวประมาณ
3,000 เมตร ชาวบ้าน เรียก “บึงกาญจน์” เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป ทางการจึงเปลี่ยนชื่ออำเภอชัยบุรีเป็น “อำเภอบึงกาญจน์” ตั้งแต่นั้นมา
ต่อมาปี พ.ศ.2477 ทางการได้เปลี่ยนชื่อ
อำเภอบึงกาญจน์ เป็น “อำเภอบึงกาฬ”
เพื่อความสะดวกและเข้าใจง่าย ต่อมาได้มีการแยกพื้นที่ออกเป็นอำเภอเซกา อำเภอพรเจริญ อำเภอศรีวิไล และอำเภอบุ่งคล้า
ออกจากอำเภอบึงกาฬ ตามลำดับ
ต่อมา ในปี พ.ศ. 2537 ได้มีการร้องขอให้จัดตั้งเป็นจังหวัดบึงกาฬ ตามข้อเสนอของนายสุเมธ พรมพันห่าว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
พรรคเสรีธรรม จังหวัดหนองคาย
โดยแยกพื้นที่อำเภอบึงกาฬ อำเภอปากคาด
อำเภอโซ่พิสัย อำเภอพรเจริญ
อำเภอเซกา อำเภอบึงโขงหลง
อำเภอศรีวิไล และอำเภอบุ่งคล้า
ออกจากจังหวัดหนองคาย แต่กระทรวงมหาดไทยยังไม่มีแผนที่จะยกฐานะอำเภอบึงกาฬขึ้นเป็นจังหวัด เพราะการจัดตั้งจังหวัดใหม่เป็นการเพิ่มภาระด้านงบประมาณ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มกำลังคนภาครัฐซึ่งขัดมติคณะรัฐมนตรี จนกระทั่งเมื่อวันที่
7 พฤษภาคม
2553 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายเทวฤทธิ์
นิกรเทศ ส.ส.สัดส่วน
พรรคกิจสังคม ได้ตั้งกระทู้ถามสดต่อนายกรัฐมนตรี เรื่องการจัดตั้งจังหวัดบึงกาฬ และทางกระทรวงมหาดไทยเห็นด้วย กำลังอยู่ในกระบวนการนำเข้าเสนอต่อที่ประชุม ครม. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนส่งเรื่องเข้ามาสู่สภาผู้แทนราษฎรเพื่อเสนอเป็นกฎหมาย พ.ร.บ. จัดตั้งจังหวัดบึงกาฬ ต่อไป
ต่อมาในวันที่ 3 สิงหาคม
พ.ศ. 2553 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดตั้งจังหวัดบึงกาฬ
ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งจังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. ….
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งจังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. …. ตามที่
กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
ข้อเท็จจริง
กระทรวงมหาดไทยรายงานว่า ได้พิจารณาทบทวนร่างพระราชบัญญัติตั้งจังหวัดบึงกาฬ
พ.ศ. …. อีกครั้งหนึ่งตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีแล้ว
1. การขอจัดตั้งจังหวัดบึงกาฬเป็นความต้องการของประชาชนในพื้นที่ เนื่องจากจังหวัดหนองคาย ประสบปัญหาการบริหารราชการและการแก้ไขปัญหาด้านชายแดนแก่ประชาชนไม่สะดวกทั่วถึง เนื่องจากมีระยะทางไกลประมาณ 350 กิโลเมตร
หากมีการจัดตั้งจังหวัดบึงกาฬจะทำให้ส่วนราชการสามารถลงไปแก้ไขปัญหาให้แก่ประชาชนในพื้นที่ได้สะดวก รวมทั้งปัญหาการลักลอบค้ายาเสพติด การลักลอบค้าของเถื่อน การโจรกรรมทรัพย์สินตามแนวชายแดน และปัญหาแรงงานต่างด้าว
จะได้รับการแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้
ได้มีการจัดทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นจากประชาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หัวหน้าส่วนราชการระดับอำเภอและระดับจังหวัด ทั้งจังหวัดหนองคายแล้วโดยเห็นด้วยกับการจัดตั้งจังหวัดบึงกาฬ
2. การบริหารราชการแผ่นดิน โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทยจำเป็นต้องมีหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ใกล้ชิดกับประชาชน การใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาความทุกข์ร้อนของประชาชนได้อย่างยั่งยืนและทั่วถึงอย่างแท้จริง
3. งบประมาณในการจัดตั้งจังหวัดบึงกาฬ ด้านการจัดตั้งส่วนราชการนั้นสามารถปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ไปดำเนินการได้
และเสนอขอตั้งงบประมาณในปีต่อๆไป สำหรับด้านบุคลากรที่จะไปปฏิบัติงาน จำนวน
439 อัตรา
สามารถใช้วิธีการเกลี่ยอัตรากำลังภายในส่วนราชการหรือระหว่างส่วนราชการได้ ซึ่งไม่เป็นภาระต่องบประมาณของประเทศมากนัก
4. การจัดตั้งจังหวัดบึงกาฬมีความพร้อมของส่วนราชการที่มีอยู่แล้วในพื้นที่ เช่น ศาลจังหวัดบึงกาฬ อัยการจังหวัด ไฟฟ้า
ประปา โทรศัพท์
ไปรษณีย์ ฯลฯ และได้สงวนที่ดินสำหรับสร้างศูนย์ราชการจังหวัดบึงกาฬไว้ประมาณ 870 ไร่ บริเวณที่สาธารณประโยชน์กุดทิง ตำบลโนนสมบูรณ์ อำเภอบึงกาฬ โดยมิต้องใช้จ่ายงบประมาณจำนวนมาก
ที่ตั้งและอาณาเขตจังหวัดบึงกาฬ
• ทิศเหนือ ติดต่อกับแขวงบอลิคำไซ (สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว)
• ทิศตะวันออก ติดต่อกับแขวงบอลิคำไซ (สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว)
• ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอนาทม (จังหวัดนครพนม) อำเภออากาศอำนวย และอำเภอคำตากล้า (จังหวัดสกลนคร)อำเภอเฝ้าไร่ จังหวัดหนองคาย
• ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอรัตนวาปี และแขวงบอลิคำไซ (สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว)
ที่ตั้งและอาณาเขตอำเภอบึงกาฬ
อำเภอบึงกาฬมีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงดังนี้
• ทิศเหนือ ติดต่อกับแขวงบอลิคำไซ (สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว)
• ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอบุ่งคล้า
• ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอเซกา อำเภอศรีวิไล อำเภอพรเจริญ และอำเภอโซ่พิสัย
• ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอปากคาด
ที่ตั้งและอาณาเขตอำเภอพรเจริญ
อำเภอพรเจริญมีอาณาเขตติดต่อกับอำเภอข้างเคียง ดังนี้
• ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอบึงกาฬ
• ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอศรีวิไลและอำเภอเซกา
• ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอคำตากล้าและอำเภอบ้านม่วง (จังหวัดสกลนคร)
• ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอบ้านม่วง (จังหวัดสกลนคร) และอำเภอโซ่พิสัย
ที่ตั้งและอาณาเขตอำเภอโซ่พิสัย
อำเภอโซ่พิสัยมีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงดังนี้
• ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอปากคาดและอำเภอบึงกาฬ
• ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอบึงกาฬและอำเภอพรเจริญ
• ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอบ้านม่วง (จังหวัดสกลนคร) และอำเภอเฝ้าไร่
• ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอเฝ้าไร่และอำเภอรัตนวาปี
ที่ตั้งและอาณาเขตอำเภอเซกา
อำเภอเซกาตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของจังหวัด มีอาณาเขตติดต่อกับอำเภอข้างเคียง ดังนี้
• ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอบึงกาฬ อำเภอบุ่งคล้า และอำเภอบึงโขงหลง
• ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอบึงโขงหลง
• ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอนาทม (จังหวัดนครพนม) อำเภออากาศอำนวย และอำเภอคำตากล้า (จังหวัดสกลนคร)
• ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอพรเจริญและอำเภอศรีวิไล
ที่ตั้งและอาณาเขตอำเภอปากคาด
อำเภอปากคาดมีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียง ดังนี้
• ทิศเหนือ ติดต่อกับแขวงบอลิคำไซ (สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว)
• ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอบึงกาฬและอำเภอโซ่พิสัย
• ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอโซ่พิสัย
• ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอรัตนวาปี และแขวงบอลิคำไซ (สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว)
ที่ตั้งและอาณาเขตอำเภอบึงโขงหลง
อำเภอบึงโขงหลงตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกสุดของจังหวัด มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงดังนี้
• ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอบุ่งคล้า
• ทิศตะวันออก ติดต่อกับแขวงบอลิคำไซ (สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว)
• ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอบ้านแพงและอำเภอนาทม (จังหวัดนครพนม)
• ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอเซกา
ที่ตั้งและอาณาเขตอำเภอศรีวิไล
อำเภอศรีวิไลตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของจังหวัด มีอาณาเขตติดต่อกับอำเภอข้างเคียง ดังนี้
• ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอบึงกาฬ
• ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอบึงกาฬ
• ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอเซกา
• ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอพรเจริญและอำเภอบึงกาฬ
ที่ตั้งและอาณาเขตอำเภอบุ่งคล้า
อำเภอบุ่งคล้ามีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงดังนี้
• ทิศเหนือ ติดต่อกับแขวงบอลิคำไซ (สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว)
• ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอบึงโขงหลง
• ทิศตะวันออก ติดต่อกับแขวงบอลิคำไซ (สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว)
• ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอเซกาและอำเภอบึงกาฬ